วิธีเช็คว่าหลอดไฟ LED กินไฟเยอะหรือไม่

วิธีเช็คว่าหลอดไฟ-LED-กินไฟเยอะหรือไม่

วิธีเช็คว่าหลอดไฟ LED กินไฟเยอะหรือไม่

การประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ การเลือกใช้หลอดไฟ LED เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการประหยัดพลังงาน เนื่องจากหลอดไฟ LED มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไฟแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงมีความกังวลว่าหลอดไฟ LED บางรุ่นอาจกินไฟเยอะกว่าที่คิด บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจวิธีการตรวจสอบการกินไฟของหลอดไฟ LED อย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้หลอดไฟ LED ที่มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานได้อย่างแท้จริง เราจะเจาะลึกถึงหลักการทำงาน ปัจจัยที่มีผลต่อการกินไฟ วิธีการตรวจสอบด้วยเครื่องมือและจากการสังเกต รวมถึงเคล็ดลับการเลือกซื้อและดูแลรักษา เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังใช้หลอดไฟ LED ที่ประหยัดพลังงานที่สุด

1.หลักการทำงานของหลอดไฟ LED และการกินไฟ

หลอดไฟ LED (Light Emitting Diode) เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำที่เปล่งแสงเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ซึ่งแตกต่างจากหลอดไฟแบบดั้งเดิมที่ใช้ความร้อนในการเปล่งแสง

ความสัมพันธ์ระหว่างวัตต์ (Watt) ลูเมน (Lumen) และประสิทธิภาพ:

  • วัตต์ (Watt): หน่วยวัดกำลังไฟฟ้าที่หลอดไฟใช้
  • ลูเมน (Lumen): หน่วยวัดความสว่างของแสงที่หลอดไฟเปล่งออกมา
  • ประสิทธิภาพ: อัตราส่วนระหว่างลูเมนต่อวัตต์ (lm/W) ยิ่งค่านี้สูง แสดงว่าหลอดไฟมีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน

การเปรียบเทียบการกินไฟ:

  • ใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไส้ประมาณ 80-90%
  • ใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ประมาณ 50-70%

ปัจจัยที่มีผลต่อการกินไฟ:

  • คุณภาพของชิป LED: ชิป LED ที่มีคุณภาพสูงจะให้แสงสว่างมากกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่า
  • วงจรขับ: วงจรขับที่ดีจะควบคุมกระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านชิป LED อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ค่าประสิทธิ์ภาพของหลอดไฟแต่ละประเภท หลอดไส้มีค่าประสิทธิ์ภาพอยู่ที่ 10-17 lm/W หลอดฟลูออเรสเซนต์มีค่าประสิทธิ์ภาพอยู่ที่ 40-70 lm/W หลอด LED มีค่าประสิทธิ์ภาพอยู่ที่ 80-100 lm/W หรือมากกว่านั้น

2.วิธีการตรวจสอบการกินไฟของหลอดไฟ LED

วิธีการตรวจสอบการกินไฟจากฉลากผลิตภัณฑ์:

  • อ่านข้อมูลบนฉลาก: ตรวจสอบค่าวัตต์ (W) และลูเมน (lm) เพื่อคำนวณประสิทธิภาพ (lm/W)
  • เปรียบเทียบข้อมูล: เปรียบเทียบค่าประสิทธิภาพระหว่างผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อเลือกหลอดไฟ LED ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

วิธีการตรวจสอบการกินไฟโดยใช้เครื่องวัดพลังงาน:

  • เลือกเครื่องวัดพลังงาน: เลือกเครื่องวัดพลังงานที่สามารถวัดค่าวัตต์ (W) ได้อย่างแม่นยำ
  • ขั้นตอนการวัด: เสียบเครื่องวัดพลังงานเข้ากับปลั๊กไฟ แล้วเสียบหลอดไฟ LED เข้ากับเครื่องวัด เปิดหลอดไฟและอ่านค่าวัตต์ที่แสดงบนเครื่องวัด
  • คำนวณค่าไฟฟ้า นำค่าวัตต์ที่วัดได้มาคำนวณกับจำนวนชั่วโมงที่ใช้งานต่อวัน และนำมาคูณกับค่าไฟฟ้าต่อหน่วย

วิธีการตรวจสอบการกินไฟโดยการสังเกต:

  • สังเกตความร้อน: หากหลอดไฟ LED มีความร้อนสูงผิดปกติ อาจบ่งบอกว่าหลอดไฟกินไฟมากเกินไป
  • สังเกตแสงกะพริบ: หลอดไฟ LED ที่มีแสงกะพริบอาจบ่งบอกว่าวงจรขับมีปัญหาและกินไฟมากกว่าปกติ
  • ตรวจสอบคุณภาพของแสงไฟ สังเกตุความสม่ำเสมอของแสง และสีของแสง หากแสงไฟไม่สม่ำเสมอ หรือสีของแสงผิดเพี้ยนไปจากเดิม อาจบ่งบอกได้ว่าหลอดไฟเริ่มเสื่อมสภาพ

3.เคล็ดลับการเลือกซื้อหลอดไฟ LED ที่ประหยัดพลังงาน

  • เลือกที่มีค่าลูเมนต่อวัตต์สูง: ค่าลูเมนต่อวัตต์ (lm/W) สูงแสดงว่าหลอดไฟ LED มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน
  • เลือกหลอดไฟจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ: แบรนด์ที่มีชื่อเสียงมักมีมาตรฐานการผลิตที่สูงและให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง เช่น หลอด E27 LED ENRICH
  • ตรวจสอบฉลากประหยัดพลังงาน: ฉลากประหยัดพลังงานบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบและมีประสิทธิภาพตามมาตรฐาน
  • เลือกหลอดไฟ LED ที่มีอุณหภูมิสี (เคลวิน) ที่เหมาะสม: อุณหภูมิสีที่เหมาะสมจะช่วยให้แสงไฟสบายตาและไม่กินไฟมากเกินไป

4.การดูแลรักษาหลอดไฟ LED เพื่อประหยัดพลังงาน

  • ทำความสะอาดหลอดไฟ LED อย่างสม่ำเสมอ: ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่เกาะบนหลอดไฟ LED จะลดประสิทธิภาพการส่องสว่าง
  • ตรวจสอบและเปลี่ยนหลอดไฟ LED ที่เสื่อมสภาพ: หลอดไฟ LED ที่เสื่อมสภาพจะกินไฟมากขึ้นและให้แสงสว่างน้อยลง
  • ใช้งานหลอดไฟ LED อย่างเหมาะสม: ปิดไฟเมื่อไม่ใช้งานและใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อเปิดปิดไฟอัตโนมัติ

5.สรุป

การตรวจสอบการกินไฟของหลอดไฟ LED เป็นสิ่งสำคัญในการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย การเลือกใช้หลอดไฟ LED ที่มีประสิทธิภาพสูงและดูแลรักษาอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้หลอดไฟ LED

 

ENRICH สว่างแน่ ประหยัดด้วย ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์แสงสว่าง แบรนด์โคมไฟ หลอดไฟคุณภาพ สนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ LINE Official Account: @richestsupply หรือ Facebook: https://www.facebook.com/enrichled

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *